สวัสดีปีใหม่ 2019 แฟนเพจ Da Mike & Co. ทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านโดยสารชั้นธุรกิจ "สิงคโปร์แอร์ไลน์" จากสิงคโปร์ กลับกรุงเทพฯ วันนี้พิเศษเพราะสิงคโปร์แอร์ไลน์นำโบอิ้ง 777-200ER ซึ่งติดตั้งชั้นธุรกิจสำหรับเที่ยวบินระยะไกล หรือ Long Haul มาให้บริการในเที่ยวบินนี้ ซึ่งปกติจะให้บริการด้วยเครื่องแบบแอร์บัส A330 ซึ่งติดตั้งที่นั่งชั้นธุรกิจแบบ Regional ซึ่งแคบกว่า และปรับเอนราบไม่ได้
เริ่มการเดินทางของเราช่วงบ่ายโมงกว่าๆ ที่สนามบินชางฮี อาคาร T2 เคาท์เตอร์เช็คอินชั้นธุรกิจ และเฟิร์สคลาสจะอยู่ที่เคาท์เตอร์แถวที่ 1
ตรงแถวนี้ ผู้โดยสารที่ถือบัตร PPS Club, บัตรทอง Star Alliance และผู้โดยสารชั้น Premium Economy สามารถเช็คอินตรงนี้ได้เช่นกัน
ได้ Boarding Pass มาแล้ว
เนื่องจากวันนี้ผมมาสนามบินค่อนข้างเร็ว บ่ายโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว แต่กว่าเครื่องจะออกก็ 4 โมงเย็น ผมเลยว่าจะไปใช้บริการสระว่ายน้ำที่อาคาร T1 สักนิด มาขึ้น Skytrain ตรงโซนเกท E
สังเกตป้าย Skytrain to T1
พอออกจากรถไฟปุ๊บ จะสังเกตเห็นป้ายนี้ทันที ขึ้นบันไดเลื่อนไปตามป้าย Swimming Pool
มุมตรงนี้ของสระว่ายน้ำ เป็นอ่าง Jacuzzi มองเห็นวิวเครื่องบิน
วันนี้แดดไม่แรงมาก นั่งชิลๆ ไป
อีก 1 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง เรากลับมาที่อาคาร T2 ไปหาอะไรกินที่ SilverKris Lounge ของสิงคโปร์แอร์ไลน์กัน เลาจน์จะตั้งอยู่ตรงกลางๆ ของอาคาร ใกล้กับสวนที่มีอ่างปลา ให้สังเกตป้ายบอกทางขึ้นไปเลาจน์ป้ายนี้
เลาจน์ที่ให้บริการในอาคาร T2 มีเลาจน์สิงคโปร์แอร์ไลน์ เลาจน์ธนาคาร DBS และ SATS Premier Lounge ซึ่งให้บริการสายการบินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Star Alliance และสมาชิก Priority Pass ที่ใช้บริการอาคารนี้
ทางเข้าเลาจน์วันนี้มีต้นคริสต์มาส ยังคงอยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุด
จุดบริการอาหารร้อน ข้อดีของ SilverKris Lounge ไม่ว่าจะเป็นของสุวรรณภูมิ หรือชางฮี ก็คือบุฟเฟ่ต์อาหารร้อนที่มีให้เลือกหลากหลายมากกว่าเลาจน์ของเจ้าอื่นที่ผมเคยใช้บริการมา
แต่สิ่งที่ต่างจาก SilverKris Lounge ที่สุวรรณภูมิ ก็คือที่นี่ไม่มีบาริสต้า ต้องกดเครื่องชงกาแฟสดเองแบบนี้
รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอลที่ต้องชงเอง
จัดเบาๆ ปลา ผัดผัก แกงกะหรี่ไก่ กับคาปูชิโนหนึ่งแก้ว
นั่งอยู่ในเลาจน์ได้ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ก็สมควรแก่เวลาที่จะเดินไปที่เกทของเรา วันนี้เกท E4
โบอิ้ง 777-200ER มารอรับแล้ว
บรรยากาศห้องโดยสารชั้นธุรกิจ ที่นั่งเบาะใหญ่มาก
วันนี้ผมนั่ง 15K ติดหน้าต่าง ก็แหงอยู่แล้ว เพราะเขาจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 ถ้าไม่ติดหน้าต่าง ก็ติดทางเดือน ทุกที่นั่งเข้าออกทางเดินกลางได้สะดวก ไม่ต้องข้ามผู้โดยสารท่านอื่น
ใต้ที่นั่งมีช่องเก็บสัมภาระ พอใส่กระเป๋าเป้ได้
ส่วนตรงนี้ไว้สำหรับวางเท้ากับวางขา ที่ต้องเฉียงๆ เพราะว่าที่นั่งออกแบบมาแบบสลับไปมา เพื่อประหยัดพื้นที่ ถึงเบาะจะกว้าง แต่ก็ยังสามารถวางที่นั่งได้เยอะ
พอวางจริงๆ ก็จะเป็นแบบนี้ ใครที่นั่งครั้งแรกอาจจะรู้สึกขัดๆ แต่สักพักก็จะชิน
โต๊ะจะเก็บไว้ตรงที่วางแขนด้านขวา สภาพบ่งบอกถึงอายุการใช้งาน
ส่วนที่วางแขนด้านซ้ายมีรีโมทซ่อนอยู่ บ่งบอกถึงความเก่าของที่นั่งรุ่นนี้เช่นกัน
มีหูฟังตัดเสียงรบกวนให้บริการ เป็นแบบเดียวกันบนเครื่องทุกรุ่นทุกลำ
นิตยสาร และคู่มือความปลอดภัยสำหรับ B777-200ER
ไฟลท์นี้แจก Amenities Kit ให้ด้วย เป็นถุงสีดำ แต่ของข้างในเหมือนกันกับไฟลท์ที่แล้ว อ่านได้ที่นี่
รับ welcome drink เป็นน้ำแอปเปิลโซดา ตรงข้างๆ ทีวีเปิดออกมาเป็นที่วางแก้วได้
เมนูอาหารมื้อบ่ายๆ เย็นๆ ของเราวันนี้ ชั้นธุรกิจมีให้เลือก 3 อย่าง
หน้าตาปกเมนูอาหารชั้นธุรกิจ ช่วงเทศกาล Season's Greetings
หน้าจอของระบบความบันเทิงรุ่นนี้ไม่ใช่หน้าจอสัมผัส ต้องใช้รีโมตควบคุม ระบบยังเป็นระบบของรุ่นเก่าอยู่ แต่ตอบสนองไว ไม่กระตุก ปริมาณคอนเทนต์ก็เยอะๆ พอๆ กับระบบใหม่
แผนที่เส้นทางการบินของเราวันนี้
ชอบสิงคโปร์แอร์ไลน์ตรงเพลย์ลิสเพลงทันสมัย มี EDM ให้ฟัง ไม่ต้องไปเสียเวลาเลือกเพลงตามอัลบั้มทีละเพลงให้ยุ่งยาก
เมื่อเครื่องไต่ระดับได้ที่ อาหารก็มาเสริฟ วันนี้ผมเลือกก๋วยเตี๋ยวผัดกุ้งและห่อหมกปลา รสชาติเหมือนหมี่ซั่วจีนมากกว่า แค่เพิ่มรสเผ็ดแบบไทยเข้ามาเท่านั้น จานรองท้องเป็นเป็ด (ดูไม่ค่อยน่ากิน) ส่วนของหวานเป็นเค้กฟักทอง อันนี้อร่อยสุด
ตลอดทางที่บินมามีเมฆมาก เนื่องจากความกดอากาศสูงกำลังแรงจากตอนเหนือ ทำให้มาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยฝนตกค่อนข้างมาก สัญญาณรัดเข็มขัดติดเกือบตลอดทั้งไฟลท์ แต่พอตอนเข้าใกล้กรุงเทพฯ ก็ยังพอมีวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ให้ดู แสงอาทิตย์ตกแสงแรกของปี 2019
Comments