รีวิวบินในประเทศ 'บางกอกแอร์เวย์' หลังผ่อนปรนเฟส 3 เดินทางข้ามจังหวัดได้

รีวิวแรกของการผ่อนปรนเฟส 3 อนุญาตให้เดินทางข้ามจังหวัดได้แล้ว รีวิวนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ด้วยบริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บางกอกแอร์เวย์ตัดบริการไปหลายอย่าง และที่เห็นชัดที่สุดคือ ทุกเที่ยวบินที่ให้บริการตอนนี้ให้บริการด้วย ATR-72 เครื่องบินใบพัดซึ่งประหยัดน้ำมันมากกว่า เหมาะสมกับการให้บริการระหว่างที่ยังไม่มีผู้โดยสารจำนวนมากในเวลานี้

บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณเคาท์เตอร์เช็คอินฝั่งภายในประเทศเริ่มคึกคัก เนื่องจากมีพนักงานให้บริการมากขึ้น แต่ผู้โดยสารยังคงบางตา เนื่องจากเที่ยวบินไม่ได้เยอะเหมือนช่วงก่อนโควิด

บางกอกแอร์เวย์จัดวิธีการเข้าคิวบริเวณเคาท์เตอร์เช็คอินใหม่ ให้เข้าแถวแบบเรียงกัน 1 ต่อ 1 เว้นระยะห่างคนละ 1 เมตร

ผู้โดยสารที่นำกระเป๋าแบบลากล้อ ถึงแม้จะเป็นขนาดที่สามรถนำถือขึ้นเครื่องได้ก็ต้องเช็คอินโหลดใต้ท้องเครื่อง เนื่องจากเป็นกฎใหม่เพื่อลดการสัมผัสพื้นผิว โดยสายการบินทุกค่ายอนุญาตให้ผู้โดยสารโหลดกระเป๋าฟรี 7 กิโลกรัม (โลว์คอส) บางกอกแอร์เวย์ให้โหลดฟรี 40 กิโลกรัม และไทยสไมล์ 30 กิโลกรัม

ขั้นตอนการเช็คอินยังคงเหมือนเดิม ได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว PG 225 ไปเชียงใหม่

ยังพอมีเวลาเหลือ เดินลงไปสำรวจร้านค้าบริเวณชั้น 3 ฝั่งด้านนอกเปิดให้บริการแล้วประมาณ 50% ร้านอาหารฟาสฟู้ด และสตาร์บัคส์ตรงโซนนี้เปิดให้บริการแล้ว

ส่วน Dean & Deluca กับ King Power บริเวณชั้น 3 ฝั่งด้านนอกยังไม่เปิดให้บริการ

เข้ามาบริเวณด้านในโซนผู้โดยสารภายในประเทศ บรรยากาศที่เราคุ้นเคย และเสียง "ระวัง สิ้นสุดทางเลื่อน" ชวนให้หายคิดถึง หลังจากไม่ได้เดินทางด้วยเครื่องบินมากว่าสามเดือน

ร้านค้าที่เป็นร้านขายของฝั่งภายในประเทศเปิดให้บริการครบทุกร้านแล้ว ช่วงนี้ของเซลล์เยอะด้วย โดยเฉพาะ King Power ฝั่งในประเทศ สินค้า JBL กับ Harman Kardon ลดสูงสุด 50% ไม่ได้ช่วยเขาขายนะ แต่ผมดูราคาแล้วถูกกว่าข้างนอกมาก อาจจะมาซื้อตอนขากลับ

โซนภายในประเทศมีร้านขายของใหม่ๆ เปิดเพียบช่วงนี้

ร้าน Asia Books กับร้านจำหน่ายของที่ระลึกก็เปิดแล้ว

Boots ก็เปิดให้บริการแล้วเช่นกัน

สำหรับร้านค้าและร้านอาหารที่อยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ผู้โดยสารจะต้องลงชื่อ หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะก่อนและหลังใช้บริการ เช่นเดียวกับการเข้าใช้ห้างสรรพสินค้า และร้านค้านอกสนามบินตามปกติ ยกเว้นเวลาเข้า-ออก ตัวอาคารสนามบินไม่ต้องสแกนคิวอาร์โค้ด

ฟู้ดคอร์ทฝั่งภายในประเทศยังไม่เปิดให้บริการ ถ้าใครที่ไม่ได้กินข้าวมาผมแนะนำให้ลงไปกินที่ชั้น 3 โซนด้านนอกก่อนเข้ามาด้านใน แต่ผมเชื่อว่าหากเที่ยวบินเพิ่มขึ้นฟู้ดคอร์ทโซนนี้ก็น่าจะเปิดให้บริการได้

Camden Food Co. ยังปิดอยู่

เลาจน์การบินไทย Royal Silk Lounge เปิดให้บริการแล้ว โดยเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการเป็นการเสริฟที่โต๊ะแทนการตักบุฟเฟ่ต์

ส่วนเลาจน์ของบางกอกแอร์เวย์ยังไม่เปิดให้บริการ

ผ่านจุดตรวจค้นลงมายังบัสเกต ตอนนี้บางกอกแอร์เวย์ใช้เครื่อง ATR-72 บินทุกเที่ยวบิน ดังนั้นเราจะต้องมาขึ้นบัสเกตแบบนี้ ขั้นตอนการประกาศขึ้นเครื่องของบางกอกแอร์เวย์ยังเหมือนเดิม เริ่มจากผู้โดยสารสมาชิกสะสมคะแนน Flyerbonus Premier ตามด้วยผู้โดยสารชั้นประหยัดทั่วไป

บริเวณบัสเกตภายในประเทศมีตู้กดน้ำและขนม 2 ตู้ รับทั้งเงินสดและบัตรเครดิต ช่วงนี้ใครหิวๆ ก็กดของกินตรงนี้ไปก่อน เพราะบนเครื่องไม่มีเสริฟน้ำหรือขนม แต่ต้องรีบกินก่อนขึ้นเครื่อง หรือเก็บไว้กินตอนเครื่องจอดถึงสนามบินปลายทาง เพราะกฎใหม่ของการบินพลเรือน ผู้โดยสารจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่อง และห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง แต่ผมเชื่อว่ามาตรการนี้น่าจะผ่อนคลายได้ในอีกไม่นาน

บัสพาเรามาที่หลุมจอดของ ATR-72 ที่จะพาเราไปเชียงใหม่วันนี้ ผู้โดยสารแต่ละคนรักษาระยะห่างกันดีมากๆ พอถึงหน้าประตูเครื่องลูกเรือก็จะกดเจลแอลกอฮอลให้ล้างมือก่อนเดินไปที่นั่ง

เครื่องรุ่นนี้จัดที่นั่งแถวละ 2-2 ผู้โดยสารที่เดินทางมาคนเดียวจะได้รับการจัดที่นั่งแบบที่เว้นที่ สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมากับครอบครัวสามารถนั่งติดกันได้

วันนี้ผมเดินทางคนเดียว ที่นั่งข้างๆ ผมไม่มีใครนั่ง ยืดขาได้สบายๆ

ที่นั่งรุ่นนี้ระยะห่างระหว่างที่นั่ง Seat Pitch น่าจะอยู่ที่ 31 นิ้ว ผมว่ากำลังสบายๆ ไม่อึดอัด

บริเวณช่องเก็บของหน้าที่นั่งตอนนี้มีแค่คู่มือความปลอดภัย กับถุงขยะ ไม่มีนิตยสารฟ้าไทยและแคตาล็อกสินค้าที่ระลึก เนื่องจากสายการบินเก็บออกไปเพื่อลดการสัมผัสร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ใครที่สนใจอยากซื้อสินค้าที่ระลึกของบางกอกแอร์เวย์สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ www.bangkokair.com แล้วสั่งซื้อออนไลน์ได้

แผงควบคุมเหนือศีรษะดีไซน์ทันสมัย มีช่องลมปรับระดับความแรงได้

เตรียมเทคออฟ หลายคนมีความกลัวเครื่องบินเครื่องยนต์ใบพัด Turboprop หรือไม่ชอบเพราะเครื่องเสียงดัง แต่ผมว่าเครื่องใบพัดรุ่นใหม่ๆ เสียงเบาลงเยอะ ที่สำคัญเครื่องใบพัด Turboprop ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเครื่องเจ็ต ถ้าผมเลือกได้ ผมก็จะเลือกเครื่องใบพัด Turboprop ก่อนเสมอ

วิวท้องฟ้าแบบนี้ไม่ได้เห็นมากี่เดือนแล้ว รู้สึกชื่นใจ

สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางไปเชียงใหม่ ทางจังหวัดขอความร่วมมือกรอกข้อมูลประวัติการเดินทาง และที่อยู่ในเชียงใหม่ จากนั้นก็ยื่นใบนี้ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สนามบินเชียงใหม่บริเวณจุดรับกระเป๋า

เที่ยวบินนี้ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเชียงใหม่ เวลาจะลงจากเครื่อง สัญญาณรัดเข็มขัดดับ ผู้โดยสารยังคงต้องนั่งประจำที่ โดยลูกเรือจะประกาศให้ทยอยออกทีละแถว เริ่มจากแถวริมทางเดิน ต่อด้วยแถวติดหน้าต่าง

เข้ามาในอาคารผู้โดยสารสนามบินเชียงใหม่ ผ่านจุดวัดอุณหภูมิ แล้วก็มารับกระเป๋า ก่อนออกจากจุดนี้ก็ยื่นใบประวัติการเดินทางสีขาวให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นอันเรียบร้อย ออกไปเที่ยวเชียงใหม่ได้

โดยรวมแล้วการโดยสารเครื่องบินภายในประเทศช่วงนี้สะดวกสบายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ เพิ่มเติมแค่การกรอกประวัติการเดินทาง ซึ่งแต่ละจังหวัดจะใช้ฟอร์มไม่เหมือนกัน บางจังหวัดกรอกใส่ฟอร์มกระดาษ เช่นเชียงใหม่ แต่บางสนามบิน เช่น สมุย จะเป็นฟอร์มกรอกแบบออนไลน์ แต่ข้อมูลในแบบฟอร์มก็จะคล้ายๆ กัน มาตรการเว้นระยะห่างเหมือนกันทุกสายการบิน และตอนนี้ทุกสายการบินยังไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง ดังนั้นควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่อง

#BangkokAirways #PG #Flyerbonus #Review #FlightReview #รีวิว #รีวิวสายการบิน #บางกอกแอร์เวย์ #เชียงใหม่ #ChiangMai #DaMike #DaMikeCo