รีวิวฉบับนี้ผมจะพานั่งชั้นประหยัดที่นั่งรุ่นใหม่บนโบอิ้ง 777-300ER ของ "คาเธ่ย์แปซิฟิก" เส้นทาง "สิงคโปร์-ฮ่องกง" เส้นทางยอดนิยมอีกเส้นของคาเธ่ย์ ซึ่งให้บริการเที่ยวบินเยอะพอๆ กับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ด้วยการนั่งรถไฟฟ้า MRT ของสิงคโปร์ไปสนามบินชางงี สายสีเขียว East-West นั่งมาถึงสถานี Tanah Merah (EW4) แล้วเปลี่ยนขบวนรถที่ชานชาลาฝั่งตรงข้ามเพื่อมาสนามบินชางงี
วิธีการเดินทางไปยังอาคาร T4 สนามบินชางงี (ที่ตั้งของสายการบินแอร์เอเชีย และคาเธ่ย์ฯ) เริ่มจากออกจากสถานีไปตามป้ายอาคาร T2 และ T4
จากนั้นเดินทางไปตามป้ายบอก Bus to Terminal 4
เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาตามป้าย จะมาหยุดตรงฝั่งผู้โดยสารขาเข้า และป้ายบอกทางไปขึ้นรถ Bus to T4 ขนาดใหญ่ รถบัสที่วิ่งให้บริการระหว่างอาคาร T2 และ T4 ออกทุกๆ 5-7 นาที
รถบัสจะจอดตรงชั้นผู้โดยสารขาออกเลย เดินเข้ามาเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของสายการบินที่จะเดินทางได้ คาเธ่ย์ฯ จะอยู่ที่เคาท์เตอร์แถวที่ 6
เช็คอินเรียบร้อย
ผ่านตรวจคนเข้าเมือง และจุดตรวจค้น ขึ้นมาที่บริเวณชั้นลอยจะเจอเลาจน์สายการบิน มี 2 เลาจน์คือ เลาจน์ของคาเธ่ย์ฯ และ Plaza Premium ซึ่งเป็นเลาจน์ของสายการบินอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มพันธมิตร Oneworld และสมาชิกบัตร Priority Pass สามารถไปใช้เลาจน์นั้นได้ แต่สำหรับผมที่เป็นสมาชิก Marco Polo Club ของคาเธ่ย์ฯก็มาใช้เลาจน์ของคาเธ่ย์สิครับ
ดีไซน์ของเลาจน์นี้จะคล้ายๆ กับเลาจน์ที่สุวรรณภูมิ แต่ขนาดใหญ่กว่า
จุดเด่นของเลาจน์คาเธ่ย์ฯ คือมุมบะหมี่ และติ่มซำร้อนๆ ทำแบบสดๆ มากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
ผมเลยจัดขนมจีบ กับบะหมี่เกี๊ยว กล้วยหนึ่งลูก และกาแฟคาปูชิโนหนึ่งแก้ว อื่มสบาย
อีก 40 นาทีจะประกาศขึ้นเครื่อง ผมก็เดินไปที่เกต วันนี้เกตของเราเดินไปสุดอาคาร ซึ่งเป็นโซนปกติของคาเธ่ย์เขาอยู่แล้ว
เกต G18 วันนี้ผู้โดยสารเยอะเกือบเต็มลำ เพราะเครื่องรุ่นนี้เป็น 777-300ER รุ่นที่เปลี่ยนที่นั่งชั้นประหยัดเป็นจัดวาง 3-4-3 ทำให้จุผู้โดยสารได้มากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบคน ยิ่งไฟลต์เต็มๆ พื้นที่หน้าเกตคนยิ่งเยอะ แต่ว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่เข้าแถวเป็นระเบียบ
ระหว่างเดินเข้างวงช้างก็แอบส่อง 777-300ER ที่จะพาเราไปฮ่องกงวันนี้
วันนี้ผมนั่งแถวที่สองจากแถวสุดท้าย ของชั้นประหยัดโซนแรก ซึ่งโซนนี้จะอยู่ถัดจากชั้นประหยัดพรีเมียม มีเพียง 4 แถว รู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่าสองโซนท้ายเครื่อง ที่นั่งแถวกลางจะมี 4 ที่นั่งอย่างที่เห็น
ถึงแม้จะจัดวางที่นั่งแบบ 3-4-3 ซึ่งแน่นกว่าชั้นประหยัดของการบินไทย และสิงคโปร์แอร์ไลน์ บนเครื่องรุ่นเดียวกัน แต่พอนั่งจริงๆ สบายกว่าที่คิด เบาะรองคอรับกับคอพอดี ปรับแล้วแน่นพอดี คอไม่ตก เบาะก็รับกับหลังได้ดี
ส่วนพื้นที่ว่างระหว่างที่นั่ง (Seat Pitch) อยู่ที่ 32 นิ้ว มาตรฐานชั้นประหยัดทั่วไป ไม่กว้างไม่แคบ
ที่นั่งใหม่ ระบบความบันเทิงก็ใหม่ จอใหญ่เต็มตา เต็มเบาะ ความละเอียดแบบ HD
กระเป๋าหน้าที่นั่งมีคู่มือความปลอดภัย นิตยสาร Discovery นิตยสารดิวตี้ฟรี และคู่มือการใช้งาน Wifi บนเครื่อง เครื่อง 777-300 และ 777-300ER ที่ติดตั้งที่นั่งแบบใหม่จะมาพร้อมกับ Wifi ตอนนี้น่าจะเหลือแค่แอร์บัส A330-300 เท่านั้นที่ยังไม่ติดตั้ง Wifi
Airshow รูปแบบใหม่ ซูมเข้าซูมออก ดูรายละเอียดได้คล้ายๆ กับ Google Earth
เมื่อเครื่องไต่ระดับได้ที่ สัญญาณรัดเข็มขัดดับ ลูกเรือก็เริ่มเสิร์ฟถั่ว และเครื่องดื่ม
จากนั้นอีก 15 นาที ลูกเรือก็นำอาหารร้อนมาให้บริการ เที่ยวบินนี้มีให้เลือก 2 อย่าง คือไก่ผัดซอสราดข้าว กับซีฟู้ดพาสต้า ผมเลือกไก่ ในถาดมีขนมปังอุ่นๆ ผลไม้ และน้ำเปล่า
หน้าตาของเมนคอร์ส รสชาติธรรมดาๆ ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าอาหารที่ออกจากครัวที่สิงคโปร์ รสชาติ และหน้าตาจะสู้ครัวที่ไทย (คาเธ่ย์ใช้ครัวการบินไทย) กับครัวที่ฮ่องกงไม่ได้จริงๆ
ปิดท้ายด้วยของหวาน ไอศกรีมฮาเกนดาส
คาเธ่ย์ฯ เป็นอีกสายการบินที่เปลี่ยนที่นั่งในชั้นประหยัดบนโบอิ้ง 777-300 และ 777-300ER จากเดิมจัดวางแบบ 3-3-3 เป็น 3-4-3 ถ้าคนที่ไม่เคยมีโอกาสได้นั่งมาก่อนอาจจะรู้สึกว่ามันต้องอึดอัดแน่ๆ แต่ผมมีโอกาสได้นั่งรุ่นนี้มา 2 รอบแล้ว ผมว่าก็นั่งสบายดี ผมตัวสูง 185 cm ก็ยังรู้สึกไม่อึดอัด เพราะดีไซน์ของที่นั่งออกแบบมารับกับสรีระได้ดีจริงๆ นั่งสบายกว่าที่นั่งรุ่นเก่าๆ บางรุ่นด้วยซ้ำ
#CathayPacific #CX #EconomyClass #Review #FlightReview #รีวิว #รีวิวสายการบิน #คาเธ่ย์แปซิฟิก #ชั้นประหยัด #โบอิ้ง #B777 #DaMike #DaMikeCo
Comments