รีวิวฉบับนี้ผมจะพาทุกท่านโดยสารชั้นธุรกิจของ "คาเธ่ย์แปซิฟิก" จากฮ่องกง ไปกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) พร้อมกับแวะเลาจน์ The Wing เลาจน์ชั้นธุรกิจที่ผมได้ลองใช้บริการเป็นครั้งแรก
วันนี้ผมใช้บริการเช็คอินและโหลดกระเป๋าที่สถานีรถไฟฟ้าฮ่องกง Airport Express ช่วยให้ผมไม่ต้องมาเสียเวลาโหลดกระเป๋าที่สนามบิน นั่งรถไฟมาถึงก็ตรงเข้า ต.ม. เข้ามาด้านในได้เลย สะดวกรวดเร็วมากๆ วันนี้ผมเลือกใช้บริการเลาจน์ The Wing ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเกต 1-4 และเป็นเลาจน์ที่ใกล้กับ ต.ม. มากที่สุด ปกติผมจะใช้บริการ The Pier ซึ่งตั้งอยู่บริเวณกลางๆ อาคารมากกว่า เพราะมักจะมาฮ่องกงแค่ทรานซิต แต่รอบนี้มาธุระที่ฮ่องกง จึงได้โอกาสมาลองใช้ The Wing เป็นครั้งแรก
The Wing มีพื้นที่ 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่ห้องอาบน้ำ และ Business Centre ส่วนชั้นบนเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร
บริเวณที่นั่งรับประทานอาหารโซน Noodle Bar บริการบะหมี่ ติ่มซำ และอาหารร้อนประจำวัน
เย็นนี้ผมเลือกบะหมี่เกี๊ยวน้ำ 2 ชาม กินคู่กับซาลาเปาหมูสับ
บริเวณข้างๆ กันกับโซน Noodle Bar เป็นโซนที่นั่งแบบโซฟาพักผ่อน
ในโซนเดียวกันมีบาร์น้ำดื่มยาวๆ มองวิวออกไปด้านนอก
ตรงโซนนี้มีเสริฟอาหารทานเล่น ผมเลือกเกี๊ยวกรอบสอดใส้ กับ Cathay Delight เครื่องดื่มม็อกเทลซิกเนเจอร์ของคาเธ่ย์ น่าจะเป็นน้ำแอปเปิลกับกีวี่ปั่น ผสมโยเกิร์ต คล้ายๆ สมู้ตตี้
มุมอาหารทานเล่น เครื่องดื่ม ชา กาแฟ บริเวณโซนนั่งเล่น
สนามบินฮ่องกงโซนผู้โดยสารขาออก หลังจากผ่าน ต.ม. แล้วจะแบ่งโซนเกตตามนี้ เกต 1-80 จะอยู่ที่อาคารผู้โดยสารหลัก (T1) สายการบินส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ Wide Body จะจอดที่นี่, อาคาร Midfield Concourse เกต 201-230 มักจะใช้จอดเครื่องของสายการบินคาเธ่ย์ดรากอน, และ North Satellite Concourse เกต 501-530 เป็นที่จอดเครื่อง Narrow Body พวก A320 กับ B737 และสายการบินต้นทุนต่ำ
เกต 1-230 สามารถไปมาหากันได้ด้วยรถไฟฟ้าที่ให้บริการภายในอาคารผู้โดยสาร สำหรับเกต 501-350 จะต้องนั่งบัสซึ่งให้บริการรับส่งทุกๆ 5 นาที
วันนี้เราได้เกต 60 ยาวๆ ไป เลยต้องนั่งรถไฟ เพื่อความรวดเร็ว ไม่ต้องเดินให้เมื่อยขา
รถไฟจอดด้วยกัน 3 สถานี คือสถานีปัจจุบัน คืออาคารผู้โดยสารหลัก สถานีเกต 40-80 และสถานี Midfield Concourse เกต 201-230
มาถึงเกตแล้ว เที่ยวบินของเราคืนนี้ CX 617
เข้ามาในเครื่องกัน ชั้นธุรกิจของ A330-300 รุ่นนี้จัดวางที่นั่งแบบ 1-2-1 ทุกที่นั่งเข้าออกทางเดินกลางได้โดยไม่ต้องข้ามผู้โดยสารคนอื่น และปรับเอนได้ 180 องศา
วันนี้ผมนั่ง 20A ติดหน้าต่างแถวแรกของเคบินที่สอง เคบินนี้มีที่นั่งเพียงแค่ 10 ที่นั่งเท่านั้น เล็กๆ เป็นส่วนตัวดี
หน้าจอส่วนตัวขนาดใหญ่
ไฟอ่านหนังสือแอลอีดีส่วนตัว ปุ่มปรับที่นั่ง และรีโมตควบคุมทีวีอยู่บริเวณด้านข้าง
คู่มือความปลอดภัย และนิตยสาร Discovery สอดอยู่ที่ช่องด้านหน้าที่นั่ง
นิตยสาร Discovery ฉบับเดือนมิถุนายน 2019 มาพร้อมแคมเปญจ์ใหม่ของคาเธ่ย์ Move Beyond
พนักงานต้อนรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจด้วยแชมเปญจ์ และผ้าร้อน
เครื่องไต่ระดับ ดูคอนเสริต Ariana Grande แล้วเปิดดูว่าเย็นนี้มีอะไรกิน
เมนูอาหารเย็นสำหรับ CX 617 ประกอบไปด้วย
เรียกน้ำย่อย: ส้มตำผสมส้มโอและกุ้ง
จานหลัก: มีให้เลือก 3 อย่าง ได้แก่ 1) สเต๊กเนื้อซอสมะเขือเทศและหอมใหญ่ เสริฟคู่ข้าวสวยหอมมะลิ, 2) สเต๊กปลาค็อตแอตแลนติกเสริฟพร้อมแอสปารากัส เพสลี่ มะเขือเทศ และมันบด, 3) แกงมัสมั่นไก่ เสริฟพร้อมข้าวสวยหอมมะลิ
ของหวาน: ไอศกรีมฮาเกนดาส
เริ่มต้นด้วยถาดอาหารพร้อมขนมปัง และจานเรียกน้ำย่อย
ขนมปังกระเทียม
ส้มตำกุ้งตัวโต ผสมส้มโอ
จานหลักผมเลือกปลาค็อต กับมันบด ดูน่ากินสุดแล้วสำหรับไฟลท์นี้
ไอศกรีมฮาเกนดาสสามารถเลือกได้หลายรส วันนี้ผมทดลองรสโยเกิร์ต
รสนี้อร่อยดีแฮะ ในไทยมีขายหรือเปล่าใครพอรู้บ้าง เครื่องดื่มร้อนคู่กับไอศกรีมคือชาอู่หลง
เข้าบุรีรัมย์และโคราช เครื่องลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ไฟลท์นี้คาเธ่ย์จอดที่บัสเกต เพราะว่าเครื่องนี้จะยังไม่ออกเดินทางจนกว่าจะถึงเช้า ดังนั้นต้องเปิดให้สายการบินอื่นที่ต้องออกช่วงเที่ยงคืนได้ใช้ก่อน แต่บางทีมาบัสเกตช่วงดึกๆ ก็เร็วดีเหมือนกัน เพราะว่าบัสจะจอดใกล้กับ ต.ม. ขาเข้าพอดี
ไฟลท์นี้กระเป๋ามารวดเร็ว ใช้เวลาจาก ต.ม. มารับกระเป๋าภายใน 15 นาที
#CathayPacific #MoveBeyond #oneworld #businessclass #review #flightreview #damike #damikeco #รีวิว #รีวิวสายการบิน #คาเธ่ย์แปซิฟิก #ชั้นธุรกิจ #บินกับไมค์
Comments